Wefเปิดรายงานปี 67 เศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอแต่มี Ai เป็นแรงเคลื่อนธุรกิจ
สรุปแล้ว เศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อน แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความท้าทายจากปัจจัยลบนอกประเทศที่นับวันจะยิ่งซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น รวมถึงข้อจำกัดจากปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศที่ยังเป็นอุปสรรคในการเติบโตอย่างยั่งยืน โจทย์สำคัญคือ New Engine of Growth ที่จะยกระดับเศรษฐกิจไทยคืออะไร คงต้องหาคำตอบกันต่อไป… แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังคงฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด แต่ไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวจีน และหวังที่จะเห็นการฟื้นตัวปีนี้ เราเห็นว่า ตัวเลขประมาณการต่างๆ จากหลายสำนักฯ ที่ออกมา ก็เป็นเพียงการคาดเดาที่เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า จะมีวิกฤติใหม่ๆ อะไร ผุดขึ้นมาแบบที่เราไม่ทันตั้งรับอีกหรือไม่ เป็นโจทย์สำคัญที่รัฐบาลต้องมองสถานการณ์ให้ขาด เตรียมกระสุนรับมือไว้ให้ดี… รวมทั้งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังโควิดยังช่วยสนับสนุนธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การขนส่ง และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมที่น่ากังวลคือรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ที่ยืดเยื้อ ราคาวัตถุดิบสูง และแนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้อุตสาหกรรมเหล็กยังประสบปัญหาราคาต้นทุนสูง ซึ่งทั้งการบริโภคและการนำเข้าของผลิตภัณฑ์เหล็กสำเร็จรูปต่างหดตัวลง 23% ในตุลาคม 2565 (YoY) ตามข้อมูลจากสลท. 11.1 เมืองจะได้ลาภเป็นอันมาก ตามโฉลก…ลุลาภามากคาม.. นี่คือ “การประมาณการ GDP ไทย” หักปากกาเซียนมาตั้งแต่ปี 2566 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5% “ด้วยสงครามอิสราเอล–ฮามาส” มีผลต่อการส่งออกซึมตัวกระทบเศรษฐกิจไทยหดลงเหลือ 2.5% ดังนั้นในปี 2567 […]